กาฬทั้ง 5


โดย  ยส    พฤกษเวช

        กาฬ ในความหมายทางแพทย์แผนไทย  หมายถึง  สภาวะของการติดเชื้อ อักเสบ อยู่ตามอวัยวะภายในร่างกาย  เช่น  ตามลำไส้ใหญ่ ตับ ปอด หัวใจ ม้าม ถุงน้ำดี เป็นต้น  และหากมีภาวะไข้พิษเข้าแทรก  ทำให้มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น  พิษของโรคทำให้มีอาการไข้ตัวร้อนจัด  มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย หรือบางครั้งเป็นฝี เป็นผื่น วง มีสีเขียวคล้ำ แดง ดำ หรือสีอื่น ๆ

         คัมภีร์ฉันทศาสตร์กล่าวถึงคัมภีร์อติสาร ได้แจ้งให้แพทย์พึงทราบของโทษกาฬทั้ง ๕ ดังนี้


         กาฬพิพิธ เกิดขึ้นภายใน แต่ขั้วตับลงไป เปนเลือดสดกำหนดมัน ถูกยาก็ฟังยา ไปสี่วันแลห้าวัน อาการประเภทมัน ก็กลับกลายให้ลงไป เปนเลือดสดเสลดเน่า  ก็ปวดมวนเพียงขาดใจ ตั้งแต่จะรากไป ให้แน่นน่าอุรารน สอึกซ้อนเปนชั้น ๆ  จะแก้กันก็ขัดสน สอึกวายก็เวียนวน แต่ลงร่ำกระหน่ำไป ครั้นแก้ที่ลงห่าง สอีกพ่างเพียงขาดใจ ให้ร้อนทุรนใน  กายก็ผุดเปนแว่นวง  เขียวแดงไปทั่วกาย เมื่อจะตายก็กลับลง เลือดสดกำหนดปลง ชีพนั้นในวันเดียว


          กาฬพิพัธ นั้นขึ้นใน ขั้วหัวใจให้ขุ่นเขียว ขั้วตับดุจเดียว แต่อาการนั้นผิดกัน ลงดุจน้ำล้างเนื้อ เมื่อมันเน่าแลเหม็นครัน เหมือนซากอศภอัน ที่ทรุดโซมอยู่แรมคืน ให้หอบเปนกำลัง สติพลั้งไม่ยั่งยืน ผู้ใดเปนจะได้คืน  ชีพนั้นอย่าสงกา

          กาฬมูตร์   มันมุดกิน  อยู่ในตับให้ลงมา  เปนแต่โลหิตตา  อุจจาระเน่าแลดำไป  เปนก้อนเปนลิ่มๆ  ก็ดูปิ่มดังถ่านไฟ  กินปอดให้หอบใจ ระหายน้ำเปนกำลัง  กินม้ามให้จับหลับ เนตรเพศนั้นให้ดูดัง  ปีศาจอันจริงจัง  เข้าสิงสู่อยู่ในตน เท้าเย็นแลมือเย็น  มักนั่งก้มไม่เงยยล  หน้าคนพิการกล  ให้บ่นเพ้อพะพึมไป  อย่างว่าจะกละทำ  กระสือซ้ำเข้าคุมใจ  โทษนี้ใช่อื่นไกล  กำเนิดโรคเปนมารยา ครั้นเมื่อจะดับสูญ  ก็เพิ่มภูลด้วยวาตา  พัดแผ่นเสมหะมา  เข้าจุกแน่นในลำคอ  จึ่งตัดอัสสาสะ  ให้ขาดค้างเพียงลำสอ  หายใจสอื้นต่อ  จะตายแล้วจงควรจำ

          กาฬสูตร นั้นให้ลง  เพศที่ลงก็ดูดำ  ดังครามอันเขียวคล้ำ  ให้เหม็นกลิ่นดังดินปืน  ให้รากให้อยากน้ำ  จะยายำไม่ฝ่าฝืน  กลืนยาก็ยาคืน  สะท้อนรากลำบากใจ  เสโทอันซึมส้าน  พิการกายให้เย็นไป  หยุดลงก็ขาดใจ  อันโทษนั้นอย่าสงกา

          กาฬสิงคลี  แลกาฬนั้นก็ย่อมปรา  กฎเกิดแต่ดีมา  ให้ซึมรั่วล้นไหลไป  อุจจาระปัสสาวะ  ทั้งเนื้อเนตรก็เหลืองใส  เหลืองสิ้นตลอดใน  กระดูกดังขมิ้นทา  ให้ร้อนทุรนราก  ระหายหอบเปนหนักหนา  เชื่อมมึนแลกิริยา  ให้พะเพ้อมะเมอไป  โทษนี้ในสามวัน  จักอาสัญอย่าสงสัย  เพศเมื่อจะขาดใจ  ทะลึ่งไปจนสิ้นชนม์

          อันกาฬทั้งห้ากาฬ บันดาลเกิดแก่บุคคล  ผู้ใดจงรู้ชนม์  ชีพนั้นจักวางวาย  เปนแพทย์จงเพียรเรียน  ให้เสถียรสถิตหมาย  แม่นยำกำหนดตาย  จึ่งจะนับว่าตนดี  โทษอะสุจินั้น  เรารำพรรณทุกสิ่งสี  สุดสิ้นในคัมภีร์  อติสารเท่านี้นา

ยาแก้กาฬธาตุอติสาร

          ยาแก้กาฬธาตุอติสาร  จันทน์ทั้งสอง ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี เนระพูสี ลูกเบญกานี ลูกจันทน์ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค ลูกตะบูนเท่ายาทั้งหลาย บดเปนจุลปั้นแทงไว้ ละลายน้ำลูกพลับจีน กินแก้กาฬธาตุหายวิเศษนักแล ฯ

          จันทน์ทั้งสอง เปลือกมังคุด เปลือกตะบูน แก่นสน ไม้สัก ฝางเสน ทำเปนจุลบดด้วยน้ำปูนใส ละลายใบกรดยอดเขียว กินแก้กาฬธาตุอติสารดีนักแล ฯ
      
          ไส้หมากดิบ เปลือกฝิ่นต้น เปลือกฝิ่นเครือ เปลือกขี้อ้าย ชันตะเคียน ชันโพรง กระชาย กระทือ ไพล ขมิ้นชัน ลูกมะตูมอ่อน  ลูกพิลังกาสา กระเทียม สิ่งละส่วน ลูกตะลุมพุก สิ่งละ ๓ ส่วน เปลือกตะเคียน การบูร สิ่งละ ๔ ส่วน ทำเปนจุลบดปั้นแท่ง ละลายน้ำปูนใสแทรกพิมเสน ดีงูเหลือม กินแก้กาฬธาตุอติสารดีนักแล ฯ 


ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น