อัลไซเมอร์

โดย  ยส    พฤกษเวช

อัลไซเมอร์ ในทัศนะแพทย์แผนไทย

          อัลไซเมอร์ เป็นการเรียกอาการของสภาวะความเสื่อมของสมอง สมองเป็น ๑ ใน ๒๐ ประการของธาตุดิน ที่ประกอบขึ้นเป็นองค์ประกอบของร่างกาย  (ธาตุดิน ๒๐ ประการ ธาตุน้ำ ๑๒ ประการ ธาตุลม ๖ ประการ ธาตุไฟ ๔ ประการ )  สมองเป็นเครื่องมือของจิต  เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต ทำหน้าที่ในการคิด  ประมวลข้อมูล  จดจำข้อมูล  ตลอดจนการสั่งการอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย (อวัยวะภายนอก )  ดังนั้น ถ้าสมองเสื่อมย่อมส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ควบคุมสั่งการอวัยวะของร่างกาย การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิตก็จะเป็นปัญหาตามมา

          เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่มีละเว้น  เพราะความเสื่อมเป็นเรื่องปกติของโลก  ฉะนั้น มนุษย์เราทุกคนจึงมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้ทุกคน  แล้วสมองเริ่มเสื่อมตั้งแต่เมื่อไร  แล้วอะไรเป็นเหตุทำให้สมองเสื่อม  ขอเฉลยดังนี้


สมองเสื่อม 

          สมองเริ่มเสื่อมเมื่อมันเริ่มมีสมองนั้นละครับ  แต่ในระยะแรกเริ่มอัตราเสื่อมจะน้อยกว่าอัตราการพัฒนา  เมื่ออายุมากขึ้น อัตราเสื่อมก็จะมากกว่า  จนกระทั่งเริ่มมีอาการแสดงออกของความเสื่อมของสมองปรากฏออกมา  แต่บางคนก็ไม่แสดงออกเพราะความเสื่อมยังไม่มากพอที่จะแสดงออก  ตัวอย่างที่แสดงถึงสภาวะความเสื่อมของสมอง  เช่น  ผมหงอกก่อนวัย  ความเสื่อมของสายตา ตาฝ้า ตาฟาง หูเสื่อม  ประสาทรับรสไม่ค่อยดี  เดินสะดุดขาตัวเองบ่อย ๆ เดินเตะสิ่งของข้างทางบ่อย ๆ  การเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยไปในทางลบ  ฯลฯ   อาการเหล่านี้แสดงว่าเริ่มมีสภาวะสมองเสื่อมแล้ว

อะไรเป็นเหตุปัจจัยทำให้สมองเสื่อม คำตอบ คือ


๑. กรรมพันธุ์ 

๒. อุบัติเหตุ

๓. คนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคพิษสุราเรื้อรัง มะเร็ง ภูมิต้านทานต่ำ โรคปอด ติดเชื้อตับ ที่ไต ภูมิแพ้ ไขมันสูง โรคซึมเศร้า วิตกกังวล ท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้น

๔.ได้รับพิษสะสม

ในบทความนี้ขออธิบายเฉพาะเหตุปัจจัยพิษสะสมที่เป็นสาเหตุให้สมองเสื่อม

พิษคืออะไร 
  

ตอบ  พิษคือผลของสรรพสิ่งที่มากระทบต่อร่างกายและจิตใจของมนุษย์ที่ให้ผลตรงข้ามกับสรรพคุณ เป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เป็นสิ่งให้โทษกับมนุษย์

สรรพคุณคืออะไร  

ตอบ  สรรพคุณคือผลของสรรพสิ่งที่มากระทบต่อร่างกายและจิตใจของมนุษย์ที่ให้คุณประโยชน์กับมนุษย์ เป็นสิ่งที่พึงประสงค์

สิ่งที่ควรเข้าใจ พิษและสรรพคุณเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กันเสมอไม่สามารถแยกจากกันได้ เหมือนเงินเหรียญที่ต้องมีสองด้านคือหัวและก้อยเสมอ

พิษทำร้ายสมองให้เสื่อมได้โดยหลัก ๆ  คือ

๑. พิษไปทำให้เกิดการอุดตันของลิ่มเลือด ลิ่มเสมหะ ( ไขมัน ) ที่บริเวณสมอง เกิดการติดขัดของการไหลเวียนเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง เป็นสาเหตุให้สมองเสื่อมได้

๒. พิษเข้าไปทำลายเซลล์สมองโดยตรง ทั้งในแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เป็นสาเหตุให้สมองเสื่อมได้
เราได้รับพิษตั้งแต่เมื่อไรและจากไหนบ้าง

คำตอบ คือ  เราเริ่มได้รับพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ตลอดจนคลอดออกมาเป็นทารก เป็นหนุ่มเป็นสาว แก่เฒ่า จนสิ้นชีวิต หนีไม่พ้นครับ  ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจึงมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้ทุกคน ถึงแม้บางคนไม่แสดงอาการออกมาก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีสภาวะสมองเสื่อมนะครับ มากหรือน้อยเท่านั้นครับ

แหล่งที่มาของพิษ  เราได้รับพิษจาก ๒ แหล่ง ดังนี้

๑. จากภายในร่างกายของเราเอง  เกิดอยู่ตามปกติจากของเสียที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย เช่น อนุมูลอิสระ ของเสียที่ตกค้างตามลำไส้ที่รอการขับถ่าย หรือร่างกายขับออกไม่หมด หมักหมมอยู่ภายใน กลายเป็นพิษ  และร่างกายดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสโลหิต แล้วไหลเวียนไปทั่วร่างกายไปตามอวัยวะต่าง ๆ ตลอดจนสมอง  นานเข้า ๆ ของเสียสะสมมากขึ้นก็เป็นเหตุให้สมองเสื่อมได้

           ในกรณีสตรี เหตุปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือโลหิตระดู  โลหิตระดูสตรี ในทัศนะแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นของเสียที่ร่างกายต้องขับออกทุก ๆ เดือน  ถ้ามีเหตุให้ระดูไม่ถูกขับออกหรือขับออกไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ภายในมดลูก  หมักหมมอยู่จนกลายเป็นพิษ  และถูกดูดซึมกลับเข้ากระแสไหลเวียนของโลหิต  พิษก็จะไปตกค้างอยู่ที่สมองได้  นานเข้ามากเข้าก็เป็นเหตุให้สมองเสื่อมได้  ดังนั้น สตรีที่รอบเดือนมาไม่ปกติ  มาน้อย  กระปริดกระปรอย  สตรีที่ไม่อยู่ไฟหลังคลอดไม่ขับน้ำคาวปลา  สตรีที่ถูกตัดมดลูกออก เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อม มากกว่าสตรีที่มีภาวะรอบเดือนเป็นปกติ

๒. พิษที่ได้รับจากภายนอก  แหล่งที่มาของพิษจากภายนอกที่มากระทำโทษต่อเราดังนี้

๒.๑ อาหาร 
          พิษจากอาหารที่เรากินเข้าไปเป็นแหล่งพิษที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อสมองเสื่อม เป็นการกินอาหารที่ไม่ถูกกับธาตุ โบราณเรียกว่า อชินธาตุ หรืออาหารที่แสลงกับร่างกาย ได้แก่ อาหารเน่า อาหารบูด อาหารอุตสาหกรรม ฟาสฟูดส์ บะหมี่สำเร็จรูป อาหารย่อยยาก อาหารหวาน อาหารมัน อาหารแสลง กินอาหารซ้ำซากไม่หลากหลาย ทำให้ขาดสารอาหาร กินอาหารมากไป กินน้อยไป กินไม่เป็นเวลา อาหารผัด อาหารทอด สุรา ชา กาแฟ บุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิด ฯลฯ เป็นต้น

ข้อควรระวัง  น้ำนมมารดาที่ไม่ได้อยู่ไฟ และขับน้ำคาวปลา ในทัศนะแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นน้ำนมดิบ เป็นน้ำนมให้โทษ  เมื่อนำไปเป็นอาหารแก่ทารก มีผลทำให้ภูมิต้านทานของทารกต่ำ เจ็บป่วยง่าย โตขึ้นมักเป็นโรคภูมิแพ้  ดังนั้น จึงมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมได้ง่าย  เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต

๒.๒ อากาศและสิ่งแวดล้อม
          มลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม เช่นควันพิษจากรถยนต์ ของเสียจากโรงงานที่ปล่อยออกมา สารตะกั่ว ควันบุหรี่ ละอองจากยางรถยนต์ที่เสียดสีกับถนน กลิ่นจากสารระเหยทุกชนิด ฯลฯ เป็นต้น

๒.๓ อารมณ์ 
          การยึดมั่นถือมั่น ไม่รู้จักปล่อยวาง ก็มีผลต่อสมองได้ เช่น  ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความเครียด จิตที่มีความอาฆาตพยาบาทไม่รู้จักการให้อภัย ความอิจฉาริษยา เป็นต้น


๒.๔ อุจจาระ ปัสสาวะ รอบเดือน
          เป็นของเสียที่ควรถูกขับออก แต่ขับออกไม่หมด หรือตกค้างเน่าเสียอยู่ภายใน นานเข้ากลายเป็นพิษ ถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย ไปตกค้างที่สมอง เป็นเหตุให้สมองเสื่อมได้

๒.๕ อดนอน
          การนอนไม่เพียงพอก็เป็นเหตุให้สมองเสื่อมได้ เพราะสมองไม่ได้รับการพักผ่อน การนอนหลับที่สนิทเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด

๒.๖ ขาดการออกกำลังกาย
          การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนที่ดีที่สุด ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง กระตุ้นการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร การขับถ่ายของเสีย

๒.๗ อิริยาบถ นั่งนิ่งเนิ่นนาน ซ้ำซากจำเจ
          เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนของร่างกายติดขัด เกิดการสะสมของเสียตามส่วนต่าง ๆของร่างกาย แม้กระทั่งที่สมอง นานเข้ามีผลกระทบต่อสมอง กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

แนวทางการรักษา

๑. ขับล้างพิษที่ตกค้างอยู่ภายใน

๒. ขจัดหรือสลาย ลิ่มเลือด ลิ่มไขมัน ที่อุดตัน ติดขัด ซึ่งเป็นปัญหาหรืออุปสรรค์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต และระบบประสาท

๓. กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และระบบประสาท

๔. ฟื้นฟูสมอง บำรุงสมอง

๕. ฟื้นฟูระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการย่อยอาหาร การดูดซึมอาหาร การขับถ่ายของเสีย

๖. หากผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูง ต้องรักษาให้เป็นปกติก่อน

๗. ต้องควบคุม

- อาหาร  กินอาหารให้ถูกกับธาตุ ตรงเวลา กินอาหารที่มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ปราศจากสารพิษปนเปื้อน ไม่กินอาหารอุตสาหกรรม หมั่นปรุงอาหารกินเอง หลีกเลี่ยงอาหารผัดอาหารทอด อาหารหวาน อาหารมัน กินอาหารให้หลากหลาย อาหารที่ย่อยง่าย กินแค่พออิ่ม ไม่ใช่เกินอิ่ม งดเครื่องดื่ม สุรา ชา กาแฟ ชาเขียวแช่เย็น ยาเสพติดต้องเลิกเด็ดขาด


- อากาศและสิ่งแวดล้อม อยู่ในที่อากาศสะอาดและบริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษและสารพิษ

- อารมณ์   เรียนรู้การปล่อยวาง ไม่โลภ โกรธ หลง ไม่อาฆาตพยาบาท รู้จักการให้อภัย ไม่อิจฉาริษยา ฝึกทำใจให้เป็นกลาง ๆ

- อุจจาระ ปัสสาวะ รอบเดือน ถ่ายอุจจาระให้ได้อย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง ปัสสาวะวันละ ๕ ถึง ๗ ครั้ง รักษารอบเดือนให้มาเป็นปกติ

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ ๖ ถึง ๘ ชั่วโมง หลับให้สนิท

- ต้องเป็นคนรักการออกกำลังกาย ออกกำลังกายทุกวัน เช้าครั้งเย็นหน ด้วยการเดินเร็ว ๆ พร้อมกับการแกว่งแขน

- หลีกเลี่ยงอิริยาบถ นิ่งเนิ่นนาน มีอิริยาบถ นั่ง เดิน ยืน นอน ให้สมดุลกัน ไม่อยู่ในอิริยาบถใดนานเกินไป
                                                                              

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น